บริการถ่ายภาพสุดประทับใจ

..คลิกที่รูป...บริการถ่ายภาพสุดประทับใจ prewedding รับปริญญา พิธีการต่าง แฟชั่น อีกมากมาย ติดต่อ : 0899274733 msn:tuchkay@hotmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตลาดนัดสวนจตุจักร



ตลาดนัดสวนจตุจักร
ตอน 1
ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นอกจากจะนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้านแล้ว ฉันมักจะออกไปซอกแซกตะลุยเมืองกรุงฯ ในขณะที่บางวันก็จะออกไปเดินห้างดูสินค้าดูสาวๆ แต่ถ้าหากจะซื้อเสื้อผ้า กางเกงยีนส์ตัวงาม หรือของตกแต่งบ้าน ฉันจะมุ่งหน้าไปที่"ตลาดนัดสวนจตุจักร" เพราะที่นี่มีสินค้ามากมายหลายอย่างให้เลือก แถมสนนราคาก็เริ่มทั้งที่ย่อมเยา พอรับได้ และประเภทที่ถามราคาแล้วเดินออกทันที

สำหรับตลาดนัดสวนจตุจักรนั้นถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะตลาดแห่งนี้กินเนสส์บุ๊ค ได้บันทึกไว้ว่าเป็น“ตลาดนัดใหญ่ที่สุดในโลก” เพราะมีพื้นที่ราว 70 ไร่ มีแผงขายของนับหมื่นแผง

ตลาดนัดสวนจตุจักรถือกำเนิดขึ้นมาหลังการปิดตลาดนัดสนามหลวงในปีพ.ศ. 2521 เพราะรัฐบาลในยุคนั้นต้องการใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ของคนกรุงเทพฯ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้มอบที่ดินในพื้นที่ย่านพหลโยธินต่อจากบริเวณ สวน(สาธารณะ)จตุจักรด้านใต้ให้ทางกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะทำการก่อสร้างตลาดนัดแห่งใหม่ขึ้นในกทม.จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2525 และจากนั้นมาตลาดนัดสวนจตุจักรก็สั่งสมชื่อเสียงจนกลายเป็นที่นิยมของคน กรุงเทพฯ คนต่างจังหวัดและชาวต่างอย่างต่อเนื่อง และมีคนเนื่องแน่นในทุกเสาร์-อาทิตย์

สำหรับวันนี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันเพราะทันที่ที่เหยียบถิ่นตลาดนัด สวนจตุจักร ฉันเห็นผู้คนเดินขวักไขว่ไปหมด แน่นอนว่าแต่ละคนต่างมีที่มาและจุดหมายต่างกันออกไป สำหรับฉันวันนี้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าขอเดินชมของให้ทั่ว ส่วนเมื่อเจออะไรถูกใจค่อยเข้าไปต่อรองราคากันอีกที

ว่าแล้วฉันก็ออกเดินลุยถั่วตะลุยตลาดนัดสวนจตุจักรทันที งานนี้หลงทางไม่ว่า แต่หากหลงสินค้าเสื้อผ้า อาจหมดตัวได้ ร้านในตลาดสวนจตุจักรมีอยู่หลายร้านที่โดดเด่นสะดุดตาฉัน อย่างร้านแรกเป็นร้าน“ขายโปสการ์ดและรูปภาพเก่า ๆ” ที่ตั้งอยู่แถวโซนจตุจักรพลาซ่า ติดร้านอาหารโถพลู โครงการ27

ร้านนี้แม้ไม่มีชื่อร้านแต่มีเสน่ห์ยิ่งนัก เพราะภายในร้านโดดเด่นไปด้วยภาพถ่ายและของที่ทางร้านนำมาขาย ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์เพราะส่วนใหญ่ เป็นภาพการเรียกร้องประชาธิปไตย เช่นเหตุการณ์14ตุลาและพฤษภาทมิฬ และภาพบุคคลสำคัญด้านการเรียกร้องเอกราชอย่างประธานาธิบดีโฮจิมินท์ มหาตมะคานธี และภาพเหตุการณ์ทางประวัติ ศาสตร์อีกมากมาย

เจ้าของร้านภาพเก่าได้เล่าให้ฉันฟังว่า ร้านนี้เปิดมา 2 ปีกว่าแล้ว จุดประสงค์หลักของร้านคือต้องการขายอะไรก็ได้ที่ไม่มอมเมาเยาวชนและสังคม แม้จะขายไม่ค่อยได้ก็ทน เรียกยอมรับสภาพกำไรน้อยหรือทำใจเผื่อขาดทุนไว้แล้ว

เจอร้านอุดมการณ์อย่างนี้ฉันเอาใจช่วยเต็มที่ เพราะทุกวันนี้รู้สึกเอียนกับนักการเมืองผู้ไร้อุดมการณ์เต็มที ว่าแล้วก็ควักกระเป๋าซื้อภาพโดนใจใบงามๆไปหลายตังค์

จากร้านขายภาพเก่าไร้ชื่อ แต่ไม่ไร้เสน่ห์ฉันเดินแวะเวียนเข้า-ออกอีกหลายร้าน ก่อนจะมาหยุดอยู่บริเวณทางขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีกำแพงเพชร ที่มีร้านขายของผุดขึ้นเต็มไปหมดเหตุที่หยุดเพราะว่าฉันเจอร้าน“เต็มฝัน”ที่ ชวนมองไม่น้อย

ร้านนี้ถึงแม้จะจะดูออกเหงานิดๆ แต่สำหรับฉันนี่คือร้านที่ทำให้เรานึกถึงวัยเด็กไม่น้อย เพราะสินค้าภายในร้าน เป็นงานเย็บมือที่ดูแล้วกิ๊บเก๋น่ารักดี ไม่ว่าเป็นของฝากอย่างตุ๊กตาหมีใบชาและหมอนรูปสัตว์ต่างๆที่มีหลากหลายสีให้ เลือกโดยผ้าที่ใช้เป็นผ้าฝ้ายนำมาเย็บอย่างปราณีตยัดไส้ด้วยใบชาสำหรับ ดูดกลิ่นโดยเฉพาะ ซึ่งมีตั้งแต่ราคา 15 บาท ไปจนถึง 1,000บาท


จากร้านเต็มฝันฉันเดินมาจนถึงจตุจักรโครงการ 4 ซอย 48 แล้วหยุดแวะชมงานศิลปะที่ร้าน “SAWDUST” ร้านนี้เขานำไม้เก่าธรรมดามาดัดแปลงเติมสีสันใหม่จนเกิดเป็นงานศิลปะสวยๆ งามๆขึ้นมา มีทั้งงานเขียนจากปลายพู่กัน และงานเพ้นท์ที่เน้นสีสันสดใส ที่ดูแล้วเพลินตาดี

ฉันเดินลัดเลาะฝ่าผู้คนต่อไปจนถึงโครงการ 14 และก็ต้องชะงักลงอีกครั้งที่ร้าน“วี พริ้นท์ แบ๊ก” ในซอย 7 เนื่องจากสงสัยว่าร้านนี้เขาขายอะไรกันแน่??? เพราะเมื่อกวาดสายตามองไปทั่วร้านเห็นมีแต่ถุงกระดาษเต็มไปหมด แต่เมื่อพินิจพิจารณาอย่างดีก็ถึงบางอ้อ

อ้อ...ร้าน วี พริ้นท์ แบ๊ก ขายถุงกระดาษนี่เอง ซึ่งก็มีทั้งถุงกระดาษสารพัดแบบ แบบแขวน และมีมากมายหลายขนาดให้เลือกซื้อเลือกหา สำหรับฉันมองว่าถุงพวกนี้มันเหมาะที่จะนำไปเก็บเป็นของสะสมมากกว่าใช้ เพราะแต่ละแบบไม่ได้มีตามท้องตลาดทั่วไป ถ้าซื้อไปใช้คงเสียดายแย่ ซึ่งใครจะไปรู้ไม่แน่ว่าอีกสิบปีข้างหน้าอาจจะกลายเป็นของหายากที่ต้องแย่ง กันซื้อในราคาสูงก็เป็นได้

ต่อกันด้วยร้าน “ก.ไก่” อยู่ที่โครงการ 10 ซอย 19 ร้านนี้เขานำของจากเศษวัสดุเหลือใช้ อย่าง เศษไม้สัก กะลามะพร้าว มาดัดแปลงทำเป็นโมบาย พวงกุญแจ หรือกรอบรูปน่ารัก ๆ ทั้งนั้น ที่สำคัญเป็นงานฝีมือล้วน ๆ ด้วย ฉันชอบเพราะว่าเขาตกแต่งร้าน ให้เป็นโทนสีเดียวกันหมดมี สีดำ สีน้ำตาล งานทุกชิ้นจะมีสีสด ๆ แซมอยู่นิดเดียวเท่านั้น เน้นความเป็นธรรมชาติตามเดิมก่อนแปรรูป เหมาะเป็นของประดับบ้านอย่างยิ่ง

ห่างจากกันไปไม่เท่าไร ในโครงการ14 ซอย2 สำหรับใครที่กำลังมองหากางเกงยีนส์ มีร้านกางเกงยีนส์อยู่ร้านหนึ่งชื่อร้าน “ควายสุพรรณ” ฉันว่ากางเกงยีนส์ ก็ธรรมดาทั่วไปเหมือน ๆ กับร้านอื่นที่ขายในสวนจตุจักรนั่นแหละ แต่เขาโดดเด่นไม่เหมือนใครตรงกลยุทธ์การเรียกลูกค้าของเจ้าของร้าน ที่มีวิธีการเรียกลูกค้าเหมือนพวกท่องอาขยานด้วยเสียงดังลั่นซอย แถมหน้าตาคุณเจ้าของร้านก็ดูโหดสุดๆ ออกแนวเพื่อชีวิตประมาณน้าๆวงคาราบาว

แต่ว่าก็ได้ใจลูกค้าหลายคนๆ และยิ่งบวกกับราคากางเกงยีนส์ที่แสนถูก จึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนแน่นร้าน ส่วนฉันแม้ไม่หลงไปกับเสน่ห์ของเจ้าของร้านความสุพรรณ แต่ว่าก็หลงเสน่ห์กางเกงยีนส์ในร้านที่ต้องควักเงินซื้อกางเกงยีนส์หุ่นงาม มาหนึ่งตัว

หันมาดูกันแถบริมทางเข้าประตู 3 ตรงที่มีทางเดินกว้างๆกันบ้าง แถวนี้มีร้านน่าสนใจอยู่หลายร้าน อย่างร้านขาย “เสื้อยืดเพ้นส์ลายดอกไม้” ที่มีอยู่เจ้าเดียวอยู่ติดถนนในละแวกนั้น ร้านนี้แม้ไม่มีชื่อร้านแต่ก็น่าสนใจดี ส่วนอีกร้านอยู่ใกล้ๆกันเป็นร้านขาย “กระเป๋ายีนส์” ที่ประดับด้วยลูกปัดนานาชนิด ระยิบระยับแพรวพราว รูปแบบสวย ๆ เยอะแยะให้เลือก แต่ถ้าผู้ชายถือคงจะไม่เหมาะ เพราะเดี๋ยวจะถูกคนครหาเอาว่าเป็นผู้ชายนะย่ะ

ส่วนอีกร้านหนึ่งที่โดนใจฉันอีกแล้ว คือ “ที แอนด์ ที” ที่อยู่ในโครงการ 5 (เดินตรงไปไม่ต้องเลี้ยวเข้าซอย) ร้านนี้เป็นร้านขายเข็มขัดโดยเฉพาะ มีเข็มขัดหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อ ซึ่งฉันการันตีว่าเข็มขัดเยอะจริงๆ เหมาะสำหรับบรรดาผู้นิยมในแฟชั่นเข็มขัดเป็นที่สุด แถมแต่ละเส้นยังไม่ซ้ำแบบใครอีกด้วย

จากร้านเข็มขัดฉันได้ยินเสียงเพลงของวณิพกแว่วมา จึงเดินไปดูและฟังเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ พร้อมกับกับเหลือบดูนาฬิกา โอ้ว...4 โมงเย็นแล้ว ยังเดินไม่ทั่วสวนจตุจักรเลย ฉะนั้นในตอนต่อไปฉันขอมาลุยตลาดนัดสวนจตุจักรอีกสักครั้งให้หายอยากกันไป เลย...

ตอน2
และแล้วการชอปปิ้ง ในตลาดนัดสวนจตุจักรก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อเวลาหมุนมาครบหนึ่งอาทิตย์ เพราะว่าเมื่อครั้งก่อนฉันยังเดินเที่ยวตลาดนัดสวนจตุจักรไม่ทั่วเลย มาคราวนี้เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ฉันจึงตัดสินใจว่าจะต้องตื่นแต่ เช้าตรู่แล้วจะเดินให้ทั่วให้จงได้

แต่ครั้งนี้ฉันเลือกที่จะไม่สุ่มเสี่ยงหรือเดินดุ่มๆไปอย่างไร้จุด หมายเหมือนเช่นคราวก่อน ฉันจึงเลือกมุ่งหน้าเดินไปยังกองอำนวยการตลาดนัดจตุจักรทันที ความจริงฉันหน้าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มีปัญหาอะไรต้องนึกถึงกองอำนวยการตลาดนัด ซึ่งเป็นแหล่งให้บริการข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับจตุจักรทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น หลงกับเพื่อนหากันไม่เจอ ลืมของ ของหาย หรือถูกล้วงกระเป๋า ก็ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากที่นี่


เป้าหมายของฉันอยู่ที่แผนที่ของตลาดนัดสวนจตุจักร ทันทีที่ฉันเอ่ยถามขอแผนที่จากเจ้าหน้าที่ แทบไม่ตามสาธยายอะไรมากมาย เขาก็ยื่นให้ฉันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเตือนฉันว่าระวังกระเป๋าดีๆ ล่ะไอ้หนุ่ม ว่าแล้วฉันจึงเริ่มต้นเดินจากแหล่งที่เขาขายต้นไม้กันเยอะๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้แก่ตัวเอง

จะว่าไปสำหรับคนที่รักและชื่นชอบต้นไม้ในสวนจตุจักรจริงๆ ล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องมาวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ เพราะในวันธรรมดาอย่างวันพุธ วันพฤหัสบดี บรรดาพ่อค้า แม่ค้า ต้นไม้เขาจะนำต้นไม้ กล้วยไม้ สารพัด ต่าง ๆ มาวางขายรอบถนนสายหลัก และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการตัดแต่งสวน หรือต้นไม้จะวางเรียงราย ตั้งแต่ทางเข้าจากถนนกำแพงเพชร 2 ยาวจรดถึงด้านถนนกำแพงเพชรที่ติดกับถนนใหญ่

ร้านโดนใจฉันในโซนต้นไม้นี้ เห็นจะไม่มีใครเกินร้าน "ผักสวนครัว" ที่ราวกับยกสวนมาตั้งไว้กลางถนนคอนกรีต ราคาก็ถูกแสนถูกต้นละ 20-30 เอง ร้านตั้งอยู่ริมทางเดิน ด้านประตูทางเข้าถนนพหลโยธิน เดินลัดเลาะตามโซนต้นไม้ ไปไม่ไกลจากกันนัก แถวโครงการ4ซอย1

ฉันอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นตุ๊กตาที่มีเส้นผมเป็นหญ้าสีเขียวงอกอยู่บนหัว ด้วยความสงสัยถึงวิธีการทำ ฉันจึงลองสอบถามคุณพี่เจ้าของร้าน จึงได้รู้มาว่าไอ้เจ้าตุ๊กตาผมสีเขียว มันมีชื่อเดียวกับชื่อร้านว่า "GREEN FRESH HAIR DOLL’S"

มีวิธีปลูกผมง่ายๆ แค่นำไปแช่น้ำ3ชั่วโมง ให้ชุ่มตัวนำตุ๊กตาขึ้นจากน้ำ วางบนถ้วยแก้ว ใส่น้ำให้เต็มแก้ว ใส่กระป๋องปิดฝา3วันแรก รดน้ำชุ่ม ๆ เมื่อเส้นผม (ที่ทำด้วยเมล็ดพืช) เริ่มงอกจึงนำออกจากกระป๋อง เพียงเท่านี้ก็สามารถ ตัด ซอย ได้ตามใจชอบ

ที่สำคัญเจ้าตุ๊กตาตัวจ้อยนี้ เป็นภูมิปัญญาของคนไทย สังเกตดี ๆ จึงพบว่าข้างในทำง่าย ๆ แค่เพียงนำเมล็ดพืช กับขุยมะพร้าว มาไว้คู่กันจัดรูปแบบให้สวยงามก็สามารถบอกกับใคร ๆ ได้อย่างภาคภูมิใจว่า เป็นฝีมือคนไทยที่จดลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้วด้วย

อีกร้านหนึ่งในโครงการ4ซอย51/1 มีร้านชื่อว่า "น้ำตกไม้และต้นไม้" เป็น การนำเอาต้นไม้ และไม้ประดับประเภทต่าง ๆที่สามารถปลูกในน้ำได้ มาจัดรูปแบบใหม่ โดยการนำไปปลูกไว้กับท่อนไม้ แล้วเลี้ยงให้ออกรากกับท่อนไม้ แปลกดีเหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อย

ทิ้งทวนแถวโซนต้นไม้ด้วยร้าน "DICE" ร้านนี้อยู่แถวทางเดินริมถนนประตู1ใกล้ ๆ กับโซนต้นไม้ เขาไม่ได้ขายต้นไม้หรอก แต่เขาขายไอเดียเกี่ยวกับหมวกกันน็อค สำหรับมอเตอร์ไซค์และจักรยานเสือภูเขา ที่บอกว่าเขาขายไอเดีย เพราะร้านนี้ไม่ได้มีแต่หมวกกันน็อคแบบเฉย ๆ แต่เป็นหมวกที่มีสีสัน ลวดลาย แบบต่าง ๆ ทั้งสวยทั้งปลอดภัยดีจริง ๆ

ฉันเดินเล่นเรื่อย ๆ มองดูหนุ่มๆ สาว ๆ ที่หน้าตาจิ้มลิ้ม แต่งกายสวยงาม เดินสวนกันไปมาให้ขวักไขว้ไปหมด ที่นี่นอกจากจะเป็นตลาดนัด สำหรับเลือกซื้อสินค้าแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งกระชับมิตรของเพื่อนฝูงอีกด้วย ฉันเดินเรื่อย ๆ ตั้งใจว่าจะมาเดินหาซื้อหนังสือสักเล่ม แถวโซนหนังสือ เจอะร้านหนังสือร้านแรกคือร้าน "55 Book Stall" อยู่ตรงทางเข้าโครงการ27 หนังสือเยอะมาก มีทั้งมือหนึ่งแบบใหม่แกะกล่อง และมือสองคุณภาพดี

เมื่อเดินเข้ามาในซอยเล็กๆ ของโครงการ27 ที่มีร้านหนังสือมากมาย วางเรียงรายเต็มไปหมด ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนหยุดยืน เลือกหนังสือที่ "ร้านสามสิบจตุจักร" อ่านไปอ่านมาชักติดลม จนต้องควักกระเป๋าจ่ายแล้วได้หนังสือติดมือมา2-3เล่ม

ถึงตอนนี้ฉันมายืนอยู่ใต้หอนาฬิกา อีกหนึ่งสัญลักษณ์ตลาดนัดสวนจตุจักร ก็พบว่าเกือบเที่ยงแล้ว แต่ต่อมหิวในกระเพาะคงยังไม่ทำงาน ฉันจึงคิดที่จะเดินเล่นต่อไปเรื่อย ๆ มองแผนที่ ก็สะดุดตากับร้านที่เขาแนะนำไว้ ชื่อร้าน "หนังอินดี้" จึงคิดจะตามไปดูในที่สุด หลังจากเดินหาจนเมื่อยตุ้มแล้ว ก็เจอจนได้

ร้านนี้เขาเน้นขายหนังแนวนอกกระแส ไม่มีฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ทั่วไป ภายในร้านก็จะมี หนังที่หาดูได้ยาก หนังที่กวาดรางวัลมาทั่วโลก พี่เจ้าของร้านบอกว่าเขาเชื่อมั่นว่าร้านเขา มีครบทุกเรื่องใครเป็นแฟนหนังแนวนี้ ก็ลองไปหากันดู ร้านเขาตั้งอยู่ในโครงการ7

หลังจากออกจากร้านหนังอินดี้มา ฉันก็เลี้ยวเข้าไปในโซนสัตว์เลี้ยง จุดประสงค์เพื่อจะไปดูความน่ารักของสัตว์เลี้ยงประเภทต่าง ๆ ฉันเกิดอาการรักสัตว์อย่างเฉียบพลัน อยากเลี้ยงไปหมด ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าปลาสวยงามตัวน้อยแหวกว่ายในตู้ปลาที่ร้าน "น้องพลอย" อยู่ที่จตุจักรพลาซ่า โซนD ซอย 7 แล้วแสนเพลินตาเพลินใจ

ก่อนจะเดินทอดน่องสบายอารมณ์ดูนก หนู ที่วางขายทั่วไปริมทาง อดทึ่งไม่ได้ที่เขามีขายแม้กระทั่งลูกจิงโจ้ตัวเล็ก ๆ ที่เขาติดกระดาษไว้ว่าเป็นจิงโจ้จากประเทศออสเตรเลีย จนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นลูกหนู หรือลูกจิงโจ้กันแน่ ไอ้ฉันมันก็คนบ้านนอกคอกนา ไม่ค่อยจะรู้กฎหมายอะไรหรอก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เมืองไทยมีกฎหมายอนุญาตนำเข้าสัตว์ประเภทนี้หรือไม่ ยังไงๆ ก็รบกวนคุณตำรวจตรวจสอบที สงสารสัตว์ต่างบ้านต่างเมือง

ฉันเดินมาหยุดที่ร้าน "CAT Station" ในโครงการ 15 ซอย 4 ที่เป็นร้านขายลูกแมวแต่ถ้าจะหาซื้อลูกแมวราคาถูกล่ะก็ไม่ควรเดินเข้าร้าน นี้เพราะที่นี่เขาขายแต่ลูกแมวเปอร์เซียเท่านั้น เน้นคุณภาพ ต้องเป็นพันธุ์แท้ รับผสมพ่อพันธ์ชั้นดีมีสกุล นำเข้าจากเยอรมัน เดนมาร์ก ฉันนึกสนใจคิดอยู่ว่าจะเอาเจ้าเหมียวสีสวาทพันธุ์ไทยของฉันมาผสมดู อยากรู้ว่าลูกมันออกมาหน้าตาจะเป็นอย่างไร

ออกจากโซนสัตว์มาฉันต้องแปลกใจที่เห็นพ่อค้า แม่ขาย ทยอยปิดร้านจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้าเป็นการบ่งบอกว่าชั่วโมงนี้ผีตากผ้าอ้อม แล้ว เจียนจะเคารพธงชาติอยู่มะรอมมะร่อ งั้นก็ได้เวลากลับแล้วซิ การเดินทางในเขาวงกตอันแสนสนุก อย่างตลาดนัดสวนจตุจักรของฉันหมดลงแล้ว คราวหน้าหากมีโอกาสคงได้มาเที่ยวชอปปิ้งอีก

ตลาดนัดสวนจตุจักรตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น

การเดินทางมายังตลาดนัดสวนจตุจักร มาได้หลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า BTS นั่งมาลงที่สถานีสะพานควาย หรือสถานีหมอชิตก็ได้ หรือถ้าเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินก็มาขึ้นที่สถานีกำแพงเพชร

รถเมล์ก็มีผ่านหลายสายไม่ว่าจะเป็นสาย 3,8,26,27,28,29,34,38,39,44,52,59,63,77,90,96,104,408,112,122 มีไมรโคร บัส สาย 2,5,8,12,15,16

ถ้ามารถส่วนตัว มีที่จอดรถอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม ถนนกำแพงเพชร2 จอดรถได้ประมาณ1,500คัน เสียค่าจอดรถ 40 บาท จอดได้ตลอดวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น